นัดแรกในลีก ไมค์ ดีน รับตัดสิน พลาด ช็อตคูคูเรญา ถูกดึงผมเกม เชลซี เจ๊า สเปอร์ส
นัดแรกในลีก ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินห้อง วีเออาร์ ในเกมที่ สโมสรฟุตบอลชลซี เสมอกับ สเปอร์ส 2-2 ในศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เปิดอกยอมรับว่าตนเองผิดพลาดในจังหวะที่มาร์ค คูคูเรญาถูก คริสเตียน โรเมโร ดึงผมในจังหวะก่อนหน้าที่ทัพ ไก่เดือยทอง จะมาได้ประตูตีเสมอนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้ โธมัส ทูเคิล ออกอาการหัวเสียหลังจบเกมเล็กน้อยเมื่อให้สัมภาษณ์ตำหนิการตัดสินของ แอนโธนี กอร์ดอน เชิ้ตดำในสนามถึงขนาดที่ไม่ต้องการให้เขาตัดสินเกมของ สิงห์บลู อีก รวมไปถึงชี้ว่า 2 ประตูของ สเปอร์ส เป็นประตูที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นจากจังหวะที่ควรจะเป็นลูกฟาวล์ก่อนหน้า
โดยประตูตีเสมอ 1-1 ของทัพ ลิลลีไวทส์ เป็นจังหวะต่อเนื่องมาจากช็อตที่ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้ฟาวล์เมื่อถูกสไลด์สกัดล้มลงในแดนของทีมเยือน ขณะที่ลูกตีเสมอ 2-2 ของทีมเยือนมีจังหวะกังขาที่คูคูเรญา ถูก โรเมโร ดึงผมเกิดขึ้นก่อนหน้า
“ผมขอเริ่มจากประตูตีเสมอแรกของ สเปอร์ส โดย ปิแอร์-เอมิล ฮอยแบร์ มันเป็นลูกที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา” ดีน เขียนอธิบายเหตุการณ์ผ่านคอลัมน์ของ เดลีเมล “ผมไม่สามารถย้อนกลับไป 44 วินาทีก่อนหน้านี้เพื่อพิจารณาจังหวะที่ โรดริโก้ เบนทานคูร์ อาจจะทำฟาวล์ใส่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้ มันอยู่นอกเหนือเฟสการเล่นเกมรุก และไม่ว่าจะอย่างไรแข้ง สเปอร์ส เข้าสกัดถึงบอลอยู่แล้ว นั่นจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะต้องนำมาพิจารณาประตูของ ฮอยแบร์” m7ball.com
“คำถามจึงไปอยู่ที่ตำแหน่งของ ริชาร์ลิซอน ว่าขัดขวางการเล่นในจุดที่เขาล้ำหน้าอยู่หรือเปล่า แต่เมื่อบอลออกจากเท้าของ ฮอยแบร์ ฝั่งของ เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตู เชลซี อยู่ในจุดที่สามารถเห็นลูกบอลได้ชัดเจน มุมมองของเขาไม่ได้ถูกบังแต่อย่างใด ดังนั้นจึงกลายเป็นประตู 1-1”
“สำหรับประตูที่ 2 โดย แฮร์รี เคน ผมได้ขอให้ แอนโธนี เทย์เลอร์ รอการพิจารณาของผมสักพักระหว่างที่กำลังดูเหตุการณ์ โรเมโร กับคูคูเรญา ผมไม่มีอำนาจให้ลูกฟรีคิกจาก วีเออาร์ ได้ แต่ผมสามารถขอให้ เทย์เลอร์ มาเช็คมอนิเตอร์ข้างสนามหากมันมีโอกาสที่จะเป็นใบแดงได้”
“ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ผมได้พิจารณาจังหวะดึงผมของ โรเมโร ผมไม่ได้ฟันธงว่ามันเป็นเหตุการณ์รุนแรงและได้หารือกับผู้ตัดสินท่านอื่น ผมน่าจะขอให้ เทย์เลอร์ เข้าไปดูที่จอมอนิเตอร์ข้างสนามให้เขาพิจารณาด้วยตนเอง สุดท้ายแล้วเชิ้ตดำในสนามมีสิทธิ์สูงสุดในการตัดสิน” “มันแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์สูงเพียงใด แม้กระทั่งผมที่ได้ใช้เวลา 2 ทศวรรษใน พรีเมียร์ลีก มาแล้วในฐานะผู้ตัดสิน เราก็มีเรื่องให้ต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา”
โอกาสแจ้งเกิดของ คอร์เนอร์ กัลลาเกอร์ ที่อาจเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายกับ เชลซี
ชื่อของ คอร์เนอร์ กัลลาเกอร์ เพิ่งจะเป็นที่รู้จักของแฟนบอลอังกฤษเมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหลังจากทำผลงานได้อย่างเตะตากับ คริสตัล พาเลซ ภายใต้สัญญายืมตัวจาก เชลซี โดยทำไปได้ถึง 8 ประตูกับ 5 แอสซิสต์.ให้กับ ดิ อีเกิลส์ จน แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระทั่งฤดูกาลนี้การกลับมาสวมเครื่องแบบ สิงโตน้ำเงินคราม อย่างเต็มตัวนั้น
ก็ดูจะไม่ใช่งานง่ายเอาเสียเลยเนื่องจากแผนการเล่นของ โธมัส ทูเคิล ที่ใช้อยู่บ่อย ๆ เป็นประจำนั้นจะมีมิดฟิลด์ตัวกลางลงประจำการได้เพียง 2 คนเท่านั้น ซึ่งก็มีรุ่นใหญ่อย่าง เอ็นโกโล ก็องเต้ จอร์จินโญ มาเตโอ โควาชิช รวมถึงนักเตะที่สอดแทรกขึ้นมาเมื่อฤดูกาลก่อนอย่าง รูเบน ลอฟตัส ชีค เป็นตัวหลักแต่เดิมอยู่แล้ว หรือจะขยับไปยืนสูงก็ดูจะยากขึ้นไปอีกเพราะมีทั้ง เมสัน เมานท์ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ราฮีม สเตอร์ลิง
แถมยังมีสตาร์ที่จ่อรอโอกาสอยู่บนม้านั่นทั้ง คริสเตียน พูลิซิช ฮาคิม ซิเยค และ คัลลัม ฮัดสัน โอดอย นี่ยังไม่นับดาวรุ่งอย่าง อาร์มันโด้ โบรยา หรือ คาร์นีย์ ชูควูเมก้า ที่เพิ่งจะเข้ามาเสริมทัพก็เรียกได้ว่าไม่มีทียืนจบแทบจะเบียดกันตายอยู่แล้ว ณ เวลานี้ แล้วโอกาสจะมาเมื่อไหร่ ? ตลอดสองนัดแรกในลีก กัลลาเกอร์ ได้ลงสนามทั้งสองเกม ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี
แต่หารู้ไม่ว่าสองเกมดังกล่าวนับเวลารวมกันได้เพียง 6 นาทีเท่านั้น ! แต่แฟน ๆ ของแข้งวัย 22 ปีรายนี้ก็อย่างเพิ่งท้อใจไป เพราะดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเขาอยู่บ้างแล้วจากการที่ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางทั้ง มาเตโอ โควาชิช
และ เอ็นโกโล ก็องเต้ ต่างพากันเจ็บยาว ซึ่งหากเขาสามารถทำงานหนักมากพอระหว่างการซ้อมหรือรุ่นพี่อย่าง ลอฟตัส ชีค ถูกโยกไปเป็นวิงแบ็คฝั่งขวาอีก
เกมหน้ากับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็น่าจะมีพื้นที่ให้เด็กหนุ่มจากย่าน เอปซอม รายนี้ได้ลงไปพิสูจน์ตัวเองแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง ๆ จัง ๆ เสียที โอกาสทอง ท่ามกลางการแข่งขันสูงลิ่ว อย่างที่เคยเห็น ๆ กันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่นักเตะระดับโลกหลาย ๆ คนย้ายมาและสุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จกับ เชลซี เนื่องจากไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาในช่วงเวลาที่มีจำกัดได้
แล้วจะนับประสาอะไรก็ดาวรุ่งที่อย่าว่าแต่ลงสนามเลย แต่มีชื่ออยู่ในทีมได้ก็ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันภายในทีม สิงห์บลู สูงแค่ไหน และแน่นอนเมื่อโอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้า ก็ขึ้นอยู่กับว่า กัลลาเกอร์ เอง จะคว้าเอาไว้ได้หรือไม่ เปลี่ยน “โอกาส” ให้เป็น “วิกฤติ” อาจฟังดูแปลก ๆ แต่หมายความแบบนั้นจริง ๆ
เพราะหากช่วงเวลาที่ กัลลาเกอร์ ได้พิสูจน์ตัวเองมาถึง แล้วเจ้าตัวกลับทำได้ไม่ดีต่อหน้าแฟนบอลทั่วทั้งโลก โอกาสที่ได้รับมานั้นจะกลายเป็นวิกฤติทันที ไม่ว่าตอนซ้อมเขาจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ผลงานในสนาม 90 นาทีเท่านั้นจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเขาต่อไป แน่นอนว่าแฟน ๆ ต่างรอเอาใจช่วยเขาอยู่ ถ้าหากเขาทำสำเร็จไม่เพียงแต่ชื่อเสียงเงินทองเท่านั้นที่จะตามมา แต่อาจจะหมายถึงตำนานวันแมนคลับในอนาคตเลยก็เป็นได้
ทางเลือกที่ต้องตัดสินใจ หากเขาพลาด ด้วยการแข่งขันอันดุเดือดภายในทีมอาจทำให้ไม่มีโอกาสที่สองอีกแล้วภายใต้สีเสื้อน้ำเงินคราม และยังอาจหมายถึงชีวิตการค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้องจบลง แต่แน่นอนว่าชีวิตการค้าแข้งของเขานั้นยังอีกยาวไกล ด้วยวัย 22 ปีที่ไม่ควรต้องจมอยู่บนม้านั่งเป็นตัวสำรองไม่ว่ากับทีมใด เพราะช่วงเวลานี้ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในการเปลี่ยนผ่านจากดาวรุ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว
นั่นหมายความว่าบางทีการตัดสินใจย้ายทีมเพื่อหาโอกาสลงสนามดูจะเป็นทางเลือกที่เข้าท่าไม่น้อย ซึ่งหากเขาทำงานหนักและมีดีในตัวเองมากพอ โอกาสที่สองจะวิ่งเข้าหาเขาอย่างแน่นอนเพียงแค่อาจจะไม่ใช่กับทีมที่เติบโตมาอย่าง สิงโตน้ำเงินคราม เท่านั้นเอง…
คูคูเรญา เปิดอกจะตัดผมหรือไม่หลังถูกดึงจนเป็นประเด็นเกมล่าสุด
มาร์ค คูคูเรญา ฟูลแบ็คเชลซี ยืนยันว่าเขาจะตัดผมอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเพิ่งมีประเด็นโดนดึงผมในเกมล่าสุดที่พบกับสเปอร์สก็ตาม คูคูเรญา กลายเป็นประเด็นทันทีหลังจากมีการจับภาพได้ว่าเขาถูกคริสเตียน โรเมโร่ ดึงผมในจังหวะที่เกิดประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกมและทำให้ เชลซีได้คะแนนเดียวในเกมนั้น
โดยในจังหวะดังกล่าวไม่มีการลงโทษหรือตัดสินเป็นการฟาลว์จาก อีกด้วย แต่ฟูลแบ็คหัวฟูยอมรับว่าเขาจะไม่เปลี่ยนทรงผมของตนเองแน่นอน “ผมจะไม่เปลี่ยนทรงผมของผม ไม่คิดจะตัดมัน มันเป็นสไตล์ของผม ก่อนเกมจะเริ่มต้น ผมได้มีการคุยกับ คริสเตียน โรเมโร่ ว่ามันจะต้องมีการเผชิญหน้ากันในสนาม ผมไม่มีปัญหาอะไรกับเขาหรอก มันเป็นแค่แอ็คชั่นหนึ่งที่เกิดขึ้นในเกม แต่บางทีมันอาจเป็นชอตสำคัญเพราะมันเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันของเกม”
ฟูลแบ็ควัย 24 ปี เซ็นสัญญามูลค่ารวม 62 ล้านปอนด์ พร้อมกับรับสัญญา 6 ปีเต็ม และเขาเชื่อว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาเองในสนาม “ผมคิดว่าบางทีมันอาจเป็นระยะเวลายาวมาก (สัญญา 6 ปี) แต่บางทีมันเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะมีโอกาสในการเล่นได้อย่างดีที่สุดในสโมสร ไม่มีแรงกดดันอะไรนัก ไม่เหมือนกับการที่คุณได้สัญญาแค่ 6 เดือนหรืออะไรแบบนั้น นี่คือโอกาสในการเล่นกับทีมนี้ และสนุกกับฟุตบอล
แน่นอนสัญญาก็เป็นแค่กระดาษแผ่นเดียว แต่ผมมาที่นี่เพื่อการอยู่กับทีมให้นานที่สุด” ฮัดสัน-โอดอย พร้อมลาเชลซีเพื่อโอกาสลงเล่นที่มากขึ้น คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ปีกเชลซี เตรียมอำลาทีมด้วยการยืมตัวแล้วเพื่อหาโอกาสในการลงสนามที่มากขึ้น และเพื่อโอกาสในการติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย
ปีกวัย 21 ปี มีสัญญากับทีมจนถึงกลางปี 2024 แต่ไม่ได้รับโอกาสมากนักในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยได้ลงเล่นเพียง 15 เกมเท่านั้น และนั่นทำให้เขาตัดสินใจเลือกย้ายออกจากทีมในฤดูกาลนี้ โดยในสองเกมแรกของฤดูกาลนี้เขายังไม่มีส่วนร่วมแม้แต่นาทีเดียว หลังการเสริมทีมที่ยังไม่เสร็จสิ้นของเชลซี และมีข่าวการปล่อยนักเตะอีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น ฮัดสัน-โอดอย, ฮาคิม ซิเย็ค รวมถึง คริสเตียน พูลิซิช
ฮัดสัน-โอดอย เป็นหนึ่งในผลผลิตทีมเยาวชนของสโมสรที่ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี2019 และเซ็นสัญญาค่าเหนื่อยสูงถึง 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และเคยผ่านประสบการณ์ในทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่มาแล้ว โดยนักเตะมีข่าวกับทั้ง เซาธ์แธมป์ตัน, นิวคาสเซิ่ล และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์